ทำไมบริษัทส่วนมากถึงเลือกบริการ Employment Agency มาหาคำตอบกัน!
Employment Agency คืออะไร มีความหมายว่าอย่างไร?
Employment Agency (บริษัทจัดหางาน หรือ สำนักงานจัดหางาน) คือ หน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจับคู่ผู้หางานและนายจ้าง. โดยบริษัทเหล่านี้จะช่วยคัดกรองผู้สมัคร, ประเมินคุณสมบัติ, และจัดหาผู้ที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่องค์กรต้องการ
หน้าที่หลักของบริษัทจัดหางาน
- สรรหาและคัดเลือกผู้สมัคร
บริษัทจัดหางานจะใช้ช่องทางต่างๆ เช่น การประกาศงานออนไลน์, การจัดงานสัมมนา, หรือการสัมภาษณ์ เพื่อหาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของนายจ้าง.
- ประเมินผู้สมัคร
บริษัทจัดหางานจะทำการประเมินผู้สมัครเบื้องต้น โดยอาจมีการทดสอบทักษะ, สัมภาษณ์, หรือตรวจสอบประวัติ เพื่อคัดกรองผู้สมัครที่เหมาะสม.
- จับคู่ผู้สมัครและนายจ้าง
หลังจากคัดเลือกผู้สมัครแล้ว บริษัทจัดหางานจะจับคู่ผู้สมัครที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานและองค์กรที่กำลังมองหาพนักงาน.
- ให้คำปรึกษา
บริษัทจัดหางานบางแห่งอาจให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการหางาน, การเขียนเรซูเม่, หรือการเตรียมตัวสัมภาษณ์.
ประเภทของบริษัทจัดหางาน:
- บริษัทจัดหางานทั่วไป
ให้บริการจัดหาพนักงานทุกระดับ ตั้งแต่พนักงานประจำ, พนักงานสัญญาจ้าง, ไปจนถึงพนักงานชั่วคราว.
- บริษัทจัดหางานเฉพาะทาง
ให้บริการจัดหางานในอุตสาหกรรมหรือสายงานที่เฉพาะเจาะจง เช่น สายงานไอที, สายงานการเงิน, หรือสายงานการตลาด.
- บริษัทจัดหางานแบบ Outsource
ให้บริการจัดหาพนักงานชั่วคราวหรือพนักงานสัญญาจ้าง โดยบริษัทจัดหางานจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการให้กับพนักงาน.
ข้อดีของการใช้บริการบริษัทจัดหางาน:
- ประหยัดเวลาและทรัพยากร
บริษัทจัดหางานจะช่วยลดภาระในการสรรหาและคัดเลือกผู้สมัคร ทำให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่งานหลักได้.
- เข้าถึงผู้สมัครที่มีคุณภาพ
บริษัทจัดหางานมีเครือข่ายและช่องทางที่หลากหลาย ทำให้สามารถเข้าถึงผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้มากขึ้น.
- ลดความเสี่ยงในการจ้างงาน
บริษัทจัดหางานจะทำการคัดกรองและประเมินผู้สมัครอย่างละเอียด ทำให้ลดความเสี่ยงในการจ้างพนักงานที่ไม่เหมาะสม
มีบริการให้องค์กรทางด้านใดบ้าง
1.ค้นหาและแนะนำตำแหน่งงาน
2.สรรหาและคัดกรองผู้สมัคร
3.การจัดหาพนักงานเฉพาะทาง
บริการสำหรับผู้สมัครงาน
บริการสำหรับผู้สมัครงานโดยทั่วไปจะรวมถึงการลงประกาศรับสมัครงาน, การค้นหาตำแหน่งงานที่ตรงกับความสนใจ, การสร้างและอัปโหลดเรซูเม่, การสมัครงานออนไลน์, และการติดตามสถานะการสมัคร. นอกจากนี้ บางบริการอาจมีเครื่องมือเพิ่มเติม เช่น การทดสอบบุคลิกภาพ, การประเมินทักษะ, หรือการให้คำแนะนำในการหางาน.
โดยทั่วไป ผู้สมัครสามารถเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ให้บริการรับสมัครงาน เช่น JobsDB, JobThai, JobThai, JobBKK, JobTopgun, และ LinkedIn. นอกจากนี้ บางบริษัทอาจมีระบบการสมัครงานของตนเอง หรือใช้บริการของบริษัทจัดหางาน.
บริการที่มักมีให้สำหรับผู้สมัคร ได้แก่
- การลงประกาศรับสมัครงาน
ผู้สมัครสามารถค้นหาตำแหน่งงานที่สนใจได้จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของตำแหน่งงานที่ประกาศรับสมัคร.
- การสร้างและอัปโหลดเรซูเม่
ผู้สมัครสามารถสร้างเรซูเม่ (CV) และอัปโหลดไปยังระบบ เพื่อให้ผู้ว่าจ้างสามารถเข้าถึงข้อมูลของพวกเขาได้.
- การสมัครงานออนไลน์
ผู้สมัครสามารถสมัครงานในตำแหน่งที่สนใจได้โดยตรงผ่านระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน.
- การติดตามสถานะการสมัคร
ผู้สมัครสามารถติดตามความคืบหน้าของการสมัครงานของตนเองได้.
- เครื่องมือประเมินทักษะ
บางบริการอาจมีเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้สมัครประเมินทักษะและความสามารถของตนเอง เพื่อให้สามารถระบุตำแหน่งงานที่เหมาะสมได้.
- คำแนะนำในการหางาน
ผู้สมัครบางรายอาจได้รับคำแนะนำในการเขียนเรซูเม่ การสัมภาษณ์งาน หรือการเจรจาต่อรองเงินเดือน.
บริการสรรหาพนักงานสำหรับองค์กร (Recruitment Services for Organizations) มีหลากหลายรูปแบบ เช่น การสรรหาพนักงานประจำ (Permanent Recruitment), การสรรหาพนักงานแบบ Outsource (Outsource Staffing), และการใช้บริการจากบริษัทจัดหางาน (Recruitment Agency). แต่ละรูปแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป องค์กรควรพิจารณาความต้องการและงบประมาณของตนเองเพื่อเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด.
รูปแบบบริการสรรหาพนักงาน:
- การสรรหาพนักงานประจำ (Permanent Recruitment):
องค์กรสรรหาและว่าจ้างพนักงานเข้ามาทำงานเป็นพนักงานประจำขององค์กรโดยตรง.
- การสรรหาพนักงานแบบ Outsource (Outsource Staffing):
องค์กรว่าจ้างบริษัทภายนอก (Outsource Company) ให้จัดหาพนักงานมาทำงานในตำแหน่งที่ต้องการ โดยพนักงานเหล่านั้นจะอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Outsource.
- การใช้บริการจากบริษัทจัดหางาน (Recruitment Agency):
องค์กรใช้บริการของบริษัทจัดหางาน (Recruitment Agency) ที่มีความเชี่ยวชาญในการสรรหาและคัดเลือกพนักงานตามความต้องการขององค์กร.
ข้อดีของบริการสรรหาพนักงาน:
- ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร:
การใช้บริการจากบริษัทจัดหางานหรือ Outsource ช่วยลดภาระงานของฝ่าย HR ในการสรรหาและคัดเลือกพนักงาน.
- เข้าถึงบุคลากรที่มีคุณภาพ:
บริษัทจัดหางานและ Outsource มีฐานข้อมูลและเครือข่ายที่กว้างขวาง ช่วยให้องค์กรเข้าถึงบุคลากรที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการได้ง่ายขึ้น.
- ความยืดหยุ่น:
การใช้บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดกำลังคนตามความต้องการของธุรกิจ.
- ควบคุมค่าใช้จ่าย:
การใช้บริการ Outsource หรือการจ้างงานผ่านบริษัทจัดหางานบางแห่ง อาจช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในการสรรหาและจ้างพนักงานได้ดีกว่า.
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกบริการสรรหาพนักงาน:
- ความต้องการขององค์กร:
องค์กรควรพิจารณาตำแหน่งงานที่ต้องการสรรหา, ทักษะที่ต้องการ, จำนวนพนักงานที่ต้องการ, และงบประมาณที่มี.
- ความน่าเชื่อถือของบริษัท:
ควรเลือกบริษัทจัดหางานหรือ Outsource ที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์.
- ค่าบริการ:
เปรียบเทียบค่าบริการของบริษัทต่างๆ เพื่อให้ได้บริการที่คุ้มค่าและตรงตามความต้องการ.
- บริการหลังการขาย:
พิจารณาบริการหลังการขายที่บริษัทจัดหางานหรือ Outsource เสนอ เช่น การรับประกันพนักงาน, การให้คำปรึกษา.